ประเภทของเนื้อเค้กมี 3 ชนิด
เค้กหลากหลายอย่างที่เรากินกันโดยทั่วไปนั้นจริงๆแล้วสามารถแยกชนิดของเนื้อเค้กได้เป็น 3 ชนิด ซึ่งในที่นี้เราไม่ขอรวมเอาพวกชีสเค้กและมูสเค้กเข้ามา จะขอพูดถึงเนื้อเค้กโดยทั่วๆไปก่อน เนื้อเค้กทั้ง 3 ชนิดนั้นคือ
1. เนื้อบัตเตอร์ หรือบัตเตอร์เค้ก ( Butter Cake )
เนื้อบัตเตอร์เป็นเนื้อที่แน่นที่สุดจากทั้งหมด 3 แบบ เพราะส่วนผสมของขนมจะหนักที่สุดเนื่องจากมีส่วนผสมของเนยค่อนข้างมาก และมีอากาศในเนื้อเค้กน้อยกว่าเค้กอีกสองชนิดจึงทำให้ได้เนื้อเค้กที่ละเอียดมากเนื่องจากรูอากาศในเนื้อขนมมีน้อย การที่บัตเตอร์เค้กมีเนื้อแน่นและมีน้ำหนักมากกว่าเค้กอีกสองชนิดทำให้บัตเตอร์เค้กเป็นชนิดของเนื้อเค้กที่เหมาะกับการนำไปทำเป็นเนื้อเค้กที่ต้องรับนำ้หนักของส่วนผสมอย่างอื่นในเนื้อเค้กที่ค่อนข้างมาก อย่างเช่น เค้กผลไม้ ( fruit cake ) ที่จะต้องมีส่วนผสมของผลไม้แห้งชิ้นเล็กๆในเนื้อเค้กค่อนข้างเยอะ เป็นต้น หากเราผสมส่วนผสมที่น้ำหนักค่อนข้างเยอะในเนื้อเค้กที่เบาจะทำให้เนื้อเค้กนั้นไม่สามารถรับน้ำหนักของส่วนผสมที่เราใส่เข้าไปได้ ทำให้ส่วนผสมจะตกลงไปกองอยู่ที่ก้นพิมพ์ แทนที่จะผสมรวมกับตัวเนื้อเค้กอย่างที่เราต้องการ นอกจากนั้นอาจทำให้เนื้อเค้กที่เบานั้นไม่ขึ้นฟูเท่าที่ควรเพราะมีนำ้หนักของส่วนผสมอื่นในเนื้อเค้กไปกดตัวเนื้อเค้กไว้ ทำให้ตอนอบขนมจะขึ้นฟูได้ยากด้วย
โดยทั่วไปแล้วบัตเตอร์เค้กจะมีขึ้นตอนการทำคือ เริ่มจากการตีเนยกับน้ำตาลจนขึ้นฟู แล้วจึงใส่ไข่เข้าไปตีด้วย สุดจึงใส่แป้งแล้วส่วนผสมที่เหลือเข้าไป

2. เนื้อสปันจ์ หรือเนื้อฟองน้ำ ( Sponge Cake )
สปันจ์เค้กเป็นเนื้อที่เบากว่าบัตเตอร์เค้กแต่หนักกว่าชิฟฟอนเค้ก ส่วนใหญ่สปันจ์เค้กนิยมนำมาเป็นเนื้อเค้กของเค้กที่มีการแต่งหน้าเค้กแต่อยากให้เป็นเค้กที่กินแล้วไม่รู้สึกหนักเกินไป มักไม่มีการผสมผลไม้, เมล็ดถั่ว หรือส่วนผสมอื่นๆลงในตัวเนื้อเค้กเอง เค้กที่เป็นเลเยอร์ๆหรือเป็นชั้นๆนั้นส่วนใหญ่ที่พบก็จะเป็นสปันจ์เค้ก แยมโรลต่างๆก็มักทำมากจากสปันจ์เค้กเช่นกันคะ
ขั้นตอนการทำสปันจ์เค้กหลักๆจะเป็นการตีไข่แดงและไข่ขาวให้ขึ้นฟูไปพร้อมๆกัน ขั้นตอนการทำสปันจ์เค้กส่วนใหญ่จะเป็นดังนี้คือ เริ่มจากการตีไข่กับน้ำตาลจนฟู จากนั้นจึงเติมส่วนของแป้งลงไป ตามด้วยเนยละลาย(ซึ่งมักจะใช้ในปริมาณไม่มากเมื่อเทียบกับบัตเตอร์เค้ก)

3. เนื้อชิฟฟอน ( Chiffon Cake )
ชิฟฟอนเป็นเนื้อเค้กที่เบาที่สุด ส่วนใหญ่ถ้ามีการแต่งหน้าก็จะแต่งหน้าให้เบาๆ เนื่องจากความที่เนื้อเค้กชิฟฟอนนั้นเบามากจึงไม่สามารถรับน้ำหนักของหน้าที่มากเกินไปได้
ขึ้นตอนการทำชิฟฟอนเค้กที่แตกต่างกว่างเค้กชนิดอื่นคือจะมีการแยกไข่แดงและไข่ขาวเพื่อใช้ทำในคนละขั้นตอนกัน คือมักจะเริ่มจากการผสมไข่แดง กับพวกแป้ง ผงฟู น้ำตาล น้ำมันพืช และอื่นๆรวมไว้ด้วยกันก่อน จากนั้นจะตีไข่ขาวกับน้ำตาลให้ฟูตั้งยอด ซึ่งส่วนนี้จะเรียกว่า เมอร์แรงค์ ( Meringue ) แล้วสุดท้ายจึงน้ำส่วนผสมของไข่แดงมารวมกับส่วนของเมอร์แรงค์ในขั้นตอนหลังสุด

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น